แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลง แต่นาฬิกา Rolex ก็ยังคงเป็นของขวัญเลอค่าเหนือกาลเวลาสำหรับตัวคุณหรือคนที่คุณรักเหมือนเช่นเคย
บทความ: LuxuoTH
เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองกลับมาอีกครั้งและนี่ก็เป็นโอกาสอันดีที่คุณจะได้มอบของขวัญให้กับตนเองหรือคนที่คุณรัก และในบรรดาสิ่งของทั้งหลายที่จะเป็นของขวัญได้นั้นก็มีนาฬิกาเป็นตัวเลือกที่เปี่ยมด้วยคุณค่าทางจิตใจ เพราะนอกจากที่จะเป็นของที่ใส่ติดตัวตลอดเวลาและทำให้เรานึกถึงโอกาสพิเศษในชีวิตแล้วก็ยังอยู่กับเราไปยาวนานอีกด้วย การเลือกนาฬิกาที่ทนทาน เที่ยงตรง พึ่งพาได้และอมตะเหนือกาลเวลาจึงเป็นเรื่องสำคัญ เหมือนอย่างเช่นนาฬิกา Rolex ซึ่งได้รับการประดิษฐ์ขึ้นด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญที่ได้รับการปรับปรุงและส่งมอบต่อจากรุ่นสู่รุ่นด้วยความตั้งใจ โดยมีความไร้ที่ติเป็นเป้าหมายหลักในทุกขั้นตอนของการดำเนินงาน เราขอเลือกนาฬิกา Rolex จำนวนทั้งหมด 4 รุ่นเพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของคุณผู้อ่านแต่ละท่าน
Oyster Perpetual Explorer – นาฬิกาสำหรับผู้เปี่ยมด้วยพลังและสไตล์ไม่ซ้ำใคร
Oyster Perpetual Explorer คือนาฬิกาที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้รับมือกับสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายได้โดยเฉพาะ นาฬิการุ่นนี้พิสูจน์ประสิทธิภาพของตนเองบนยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกมาแล้ว ที่มาอยู่ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1950 เมื่อ Rolex เริ่มพัฒนานาฬิกาเพื่อการใช้งานระดับอาชีพที่สามารถเป็นเครื่องมือได้และมีฟังก์ชั่นนอกเหนือจากการบอกเวลาตามปกติ นาฬิกาเหล่านี้มีไว้เพื่อการใช้งานเฉพาะทางอย่างเช่นการดำน้ำใต้ทะเลลึก การบิน การปีนเขาและการสำรวจในเชิงวิทยาศาสตร์ เรือนเวลาเหล่านี้สร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างมากและกลายมาเป็นภาพจำในฐานะนาฬิกาของผู้ที่มีความใฝ่ฝัน
ในปี 1953 คณะสำรวจของเซอร์ จอห์น ฮันท์ ซึ่งมีเซอร์ เอ็ดมันด์ ฮิลลารี และเทนซิง นอร์เกย์ที่ขึ้นไปถึงยอดเขาเอเวอร์เรสต์ได้นั้นก็สวมนาฬิกา Oyster Perpetual ซึ่งมีความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์ หลังจากนั้น Rolex จึงได้พัฒนานาฬิกา Oyster Perpetual Explorer เรื่อยมาและนำเสนอรุ่นปัจจุบันในปี 2021
Oyster Perpetual Explorer รุ่นปัจจุบันมีตัวเรือนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 36 มม. และมีผลิตในสไตล์เยลโลว์โรเลซอร์ ซึ่งเป็นการผสานกันระหว่างวัสดุออยส์เตอร์สตีลและและเยลโลว์โกลด์ 18 กะรัต หน้าปัดแลคเกอร์สีดำมีหลักชั่วโมงแบบอินเด็กซ์สลับกับตัวเลข 3, 6 และ 9 อันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งหมดผลิตจากทองคำ 18 กะรัตและมีการเคลือบสาร Chromalight รุ่นใหม่ที่เรืองแสงได้นานยิ่งกว่าเดิม เช่นเดียวกันกับเข็มบอกเวลาซึ่งขับเคลื่อนด้วยกลไก calibre 3230 ที่ Rolex เพิ่งเริ่มใช้งานเมื่อปีที่แล้วโดยได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งกว่าเดิม ทั้งในแง่ของความเที่ยงตรง กำลังลานสำรอง ความทนทานต่อแรงสั่นสะเทือนและสนามแม่เหล็ก ความสะดวกในการใช้งาน และความน่าเชื่อถือ นาฬิกา Oyster Perpetual Explorer ใหม่มีประสิทธิภาพในการกันน้ำถึงระดับความลึก 100 เมตร นี่คือเรือนเวลาแห่งความทนทานในระดับตำนานที่เหมาะสมที่สุดสำหรับใครก็ตามที่พร้อมก้าวเข้าไปในดินแดนใหม่ๆ และพร้อมเปิดรับการผจญภัยครั้งใหม่อยู่เสมอ
Oyster Perpetual GMT-Master II – นาฬิกาสำหรับนักเดินทางท่องโลก
ขณะนี้เรากลับมาเดินทางข้ามประเทศได้อีกแล้วจึงเป็นเหตุผลอันดีให้เราเลือกซื้อนาฬิกาที่บอกเวลาได้หลายประเทศพร้อมกันอีกครั้งหนึ่ง Oyster Perpetual GMT-Master เป็นนาฬิกาที่ Rolex เปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1955 ในยุคที่การบินระหว่างประเทศกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อความสะดวกของนักบินที่ต้องเดินทางข้ามไทม์โซนเป็นประจำ ขอบหน้าปัดของนาฬิการุ่นดังกล่าวมีวงแหวนสเกล 24 ชั่วโมงที่มีการแบ่งเป็น 2 สี ครึ่งบนเป็นสีหนึ่งสำหรับช่วงเวลากลางวัน และครึ่งล่างเป็นอีกสีหนึ่งสำหรับช่วงเวลากลางคืน
จากนั้นในปี 1982 จึงมีการเปลี่ยนไปใช้เครื่องรุ่นใหม่ที่สามารถตั้งเข็มชั่วโมงแยกจากเข็มอื่นๆ ได้ จึงทำให้ผู้สวมใส่นาฬิกาได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้นในการใช้งานจริง เพราะเมื่อเดินทางไปยังประเทศอื่นก็สามารถตั้งเข็มชั่วโมงให้ตรงกับเวลาในท้องถิ่นได้ทันที โดยที่เข็ม 24 ชั่วโมงยังคงชี้บอกเวลาที่ประเทศต้นทางต่อไปเหมือนเดิม นาฬิกา Oyster Perpetual GMT-Master II รุ่นปัจจุบันมีตัวเรือนแบบ Oyster ขนาด 40 มม. และมีเม็ดมะยมแบบ Triplock จึงสามารถกันน้ำได้ถึงระดับความลึก 100 เมตร สายนาฬิกาแบบ Oyster มีข้อ Easylink เพื่อใช้ขยายความยาวของสายนาฬิกาได้ประมาณ 5 มม. เพื่อความสบายข้อมือในทุกสถานการณ์
ในภาพข้างบนและข้างล่างนี้เป็น Oyster Perpetual GMT-Master II รุ่นโรเลซอร์ซึ่งใช้วัสดุออยส์เตอร์สตีลคู่กับเอเวอร์โรสโกลด์ สวมใส่ด้วยสายแบบออยส์เตอร์ หน้าปัดเป็นสีดำ วงแหวนขอบหน้าปัดผลิตด้วยเซราโครมเป็นสองสีคือสีน้ำตาลและสีดำ กลไก calibre 3285 ที่ใช้ใน GMT-Master II เวอร์ชั่นใหม่นี้เป็นเครื่องนาฬิกาแบบขึ้นลานอัตโนมัติรุ่นที่ Rolex เริ่มใช้ในปี 2018 ซึ่งประกอบด้วยเอสเคปเมนท์แบบ Chronergy แฮร์สปริง Parachrom สีน้ำเงิน ชุดดูดซับแรงสั่นสะเทือน Paraflex และโรเตอร์แบบ Perpetual ประสิทธิภาพอันเหนือชั้นของเอสเคปเมนท์นี้ประกอบกับสถาปัตยกรรมที่ใช้ในการออกแบบแบเรลทำให้กลไก calibre 3285 มีกำลังลานสำรองนานถึงประมาณ 70 ชั่วโมง หากคุณหรือผู้รับนาฬิกาเป็นคนที่เดินทางไปต่างประเทศเป็นประจำ Oyster Perpetual GMT-Master II นั้นก็ย่อมเป็นเพื่อนร่วมเดินทางที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งางแน่นอน
Oyster Perpetual Cosmograph Daytona – นาฬิกาที่เกิดมาเพื่อการแข่งขันและผู้ที่ชื่นชอบความเร็ว
Cosmograph Daytona เป็นนาฬิกาที่มีความเชื่อมโยง กับความเร็วมาโดยตลอด นับตั้งแต่ที่มีการเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1963 นาฬิกาโครโนกราฟรุ่นนี้ออกแบบมาสำหรับนักแข่งรถโดยเฉพาะ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการจับเวลา ตลอดจนการคำนวณความเร็วเฉลี่ยเมื่ออ่านค่าควบคู่กับขอบตัวเรือนแบบสเกล ชื่อรุ่นมาจากเมืองเดย์โทน่า รัฐฟลอริด้า ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวของคนรักความเร็วตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 แล้ว และยังเป็นชื่อที่สื่อถึงความผูกพันที่ Rolex มีอย่างแน่นแฟ้นกับวงการแข่งรถมาโดยตลอด
นาฬิกา Cosmograph Daytona เองก็มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเช่นกันตลอดระยะเวลากว่า 5 ทศวรรษที่โลดแล่นอยู่ในวงการ สำหรับรุ่นปัจจุบันนั้นขับเคลื่อนด้วยกลไก calibre 4130 ซึ่งเป็นที่สุดแห่งเทคโนโลยีแห่งนาฬิกาจักรกลเวลา
เครื่องนาฬิกาโครโนกราฟแบบไขลานอัตโนมัติรุ่นนี้มีระบบคอลัมน์วีลและเวอร์ติคอลคลัทช์ที่ทนทานเพื่อการเริ่มต้นจับเวลาอย่างแม่นยำในทันที สถาปัตยกรรมของเครื่องประกอบด้วยชิ้นส่วนจำนวนน้อยกว่าโครโนกราฟทั่วไปจึงทำให้เครื่องรุ่นนี้มีความทนทานในระดับที่ผู้ใช้ไว้วางใจได้มากยิ่งกว่า แฮร์สปริงเป็นแบบ Parachrom ซึ่ง Rolex ผลิตเองด้วยอัลลอยจำพวกพาราแม็กเนติกซึ่งสามารถต้านทานสนามแม่เหล็ก และมีความเที่ยงตรงสูงกว่าแฮร์สปริงทั่วไปถึง 10 เท่าเมื่อต้องพบกับแรงสั่นสะเทือน แล้วยังมีโอเวอร์คอยล์แบบ Rolex ซึ่งจะทำให้เครื่องนาฬิกามีความเที่ยงตรงสม่ำเสมอไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม สุดท้ายคือโรเตอร์ Perpetual โมดูลกลไกลานอัตโนมัติที่ทำให้ calibre 4130 นี้มีกำลังลานสำรองเต็มประมาณ 72 ชั่วโมงได้
Rolex ผลิตนาฬิกา Oyster Perpetual Cosmograph Daytona ด้วยวัสดุหลากชนิดและมีหน้าปัดให้เลือกหลายรูปแบบ อย่างเช่นในภาพข้างบนนี้มีตัวเรือนขนาด 40 มม. ผลิตจากเอเวอร์โรสโกลด์ หน้าปัดสีซันดัสท์ตัดกับสีดำ สวมใส่ด้วยสาย Oysterflex ซึ่งประกอบด้วยแผ่นอัลลอยไทเทเนียมผสมนิคเกิ้ลที่บิดตัวได้อยู่ภายใน หุ้มด้วยอีลาสโตเมอร์ประสิทธิภาพสูงสีดำอยู่ภายนอก ดังนั้นจึงสามารถมอบความทนทานตามแบบฉบับของสายโลหะแต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความยืดหยุ่นเหมือนสายอีลาสโตเมอร์ได้ ทั้งหมดนี้ทำให้ Oyster Perpetual Cosmograph Daytona เป็นนาฬิกาโครโนกราฟระดับแนวหน้าของโลก และเป็นที่ชื่นชอบของคนรักรถและความเร็วอย่างไม่ต้องสงสัย
Oyster Perpetual Datejust – ต้นแบบของนาฬิกาสไตล์คลาสสิก
Oyster Perpetual Datejust เป็นนาฬิกาที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เหมาะสำหรับสุภาพบุรุษ สามารถสวมใส่ได้ในทุกโอกาส และดีไซน์สไตล์คลาสสิกของนาฬิการุ่นนี้ก็เปิดประตูสู่การออกแบบที่ไร้ขีดจำกัด
Oyster Perpetual Datejust เป็นนาฬิการะดับไอคอนของวงการนาฬิกานับตั้งแต่ที่เปิดตัวเมื่อปี 1945 ในฐานะนาฬิกาข้อมือแบบขึ้นลานอัตโนมัติที่กันน้ำได้และมีความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์รุ่นแรกของโลกที่มีหน้าต่างวันที่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ในขณะที่นาฬิการุ่นอื่นๆ ในเวลานั้นใช้เข็มชี้ไปที่ตัวเลขวันที่โดยรอบหน้าปัด สำหรับชื่อ Datejust เองนั้นก็มีความหมายตรงที่สื่อให้เห็นว่าตัวเลขวันที่จะเปลี่ยนข้ามไปยังวันถัดไปในเวลาเที่ยงคืนพอดี จากนั้นในปี 1953 จึงมีการเพิ่มเลนส์ไซคล็อปเพื่อขยายวันที่เพื่อให้เจ้าของนาฬิกาสามารถอ่านค่าตัวเลขได้โดยสะดวก
คอลเลคชั่นนาฬิกานี้มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านประสิทธิภาพและรูปลักษณ์ ในด้านประสิทธิภาพนั้นนาฬิกา Oyster Perpetual Datejust รุ่นปัจจุบันทำงานด้วยกลไก calibre 3235 ซึ่งไขลานด้วยระบบอัตโนมัติและมีกำลังลานสำรองประมาณ 70 ชั่วโมง และยังมีคุณสมบัติขั้นสูงอย่างเช่นเอสเคปเมนท์แบบ Chronergy ซึ่งใช้พลังงานอย่างประหยัด แฮร์สปริง Parachom สีน้ำเงินซึ่งทนทานต่ออิทธิพลของสนามแม่เหล็กและชุดดูดซับแรงสั่นสะเทือน Paraflex ที่มีคุณภาพสูง
ในด้านรูปลักษณ์ Oyster Perpetual Datejust ยังคงรักษาไว้ซึ่งสไตล์ที่เหนือกาลเวลาด้วยหน้าปัด การขัดแต่งและวัสดุชนิดต่างๆ ในตัวเรือน 36 มม. และ 41 มม. เวอร์ชั่นในภาพนี้เป็นแบบโรเลซอร์ที่มีตัวเรือนออยส์เตอร์สตีลขนาด 41 มม. ขอบตัวเรือนแบบร่องผลิตจากไวท์โกลด์ 18 กะรัต หน้าปัดสีเทาเข้มมีตัวเลขโรมันสีดำตัดขอบเขียว สายนาฬิกาเป็นแบบจูบิลีซึ่งออกแบบมาเพื่อนาฬิกา Oyster Perpetual Datejust โดยเฉพาะเมื่อปี 1945 และสามารถมอบความสบายข้อมือได้ในระดับสูง ทุกวันนี้ Oyster Perpetual Datejust ยังคงเป็นนาฬิกา Rolex ที่ผู้คนจดจำได้มากที่สุดรุ่นหนึ่ง และเป็นนาฬิกาที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการใส่เข้าประชุมผู้บริหารหรือไปงานเลี้ยงสำคัญยามค่ำคืนก็ตาม
นาฬิกาทุกรุ่นที่นำเสนอในบทความนี้ผ่านการรับรองระดับซูเปอร์เลทีฟโครโนมิเตอร์ตามมาตรฐานที่ Rolex กำหนดขึ้นเมื่อปี 2015 นาฬิกาที่จะผ่านการรับรองนี้ได้จะต้องถูกทดสอบภายในห้องทดลองของ Rolex เองหลังจากที่บรรจุเครื่องนาฬิกาลงในตัวเรือนแล้ว เกณฑ์การทดสอบครอบคลุมเรื่องของความเที่ยงตรง การกันน้ำ กำลังลานสำรองและประสิทธิภาพในการขึ้นลาน ดังนั้นคุณจึงมั่นใจได้ว่านาฬิกาที่ผ่านการรับรองระดับซูเปอร์เลทีฟโครโนมิเตอร์จะมีความเที่ยงตรงอยู่ในระดับที่คลาดเคลื่อนไม่เกิน +2/-2 วินาทีต่อวันเท่านั้น และจะมาพร้อมกับสัญลักษณ์ตราประทับสีเขียวที่บ่งบอกถึงการรับรองมาตรฐานนี้และการรับประกันในระดับนานาชาตินานถึง 5 ปีเต็ม
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนาฬิกา Rolex ที่ www.srichaiwatch.com
บทความที่เกี่ยวข้อง: The Myriad Faces of Classic Rolex Timepieces
Proposal of a Rolex as a timeless gift for yourself or a loved one
Words: LuxuoTH
The festive season is arriving, and it is also the season of gifting. Of the various gift choices possible, few offer a sentimental value as everlasting as watches because they are personal and reminding of the occasion it marks. They are also worn over a period of many years, and often for a lifetime. Rolex watches embody the legacy of excellence in terms of robustness, precision, reliability and timelessness. They are crafted thanks to thoughtfully curated expertise that is constantly enhanced and passed on from one generation to the next with great care. Taking the time to do things well, Rolex aims for perfection every step of the way. We pick four Rolex timepieces to suit every wrist based on their lifestyle.
Oyster Perpetual Explorer: a watch for energetic in style
A watch built to weather adverse environments, the Oyster Perpetual Explorer proved to be a reliable tool at the highest peak in the world. In the early 1950s, Rolex developed professional watches that served as tools and whose functions went far beyond simply telling the time. These watches were intended for professional activities, such as deep-sea diving, aviation, mountain climbing and scientific exploration. The watches generated lasting enthusiasm and became known as the watches of achievers.
In 1953, Sir John Hunt’s expedition, in which Sir Edmund Hillary and Tenzing Norgay reached the summit of Mount Everest, was equipped with Oyster Perpetual chronometers. Further evolution followed, and the current design of the Oyster Perpetual Explorer was revealed in 2021.
Measuring 36 mm in diameter, the new-generation Oyster Perpetual Explorer is presented in yellow Rolesor, a combination of Oystersteel and 18 ct yellow gold. The black lacquer dial features index hour markers and the emblematic 3, 6 and 9 numerals, all in 18 ct yellow gold with Chromalight display which now lasts longer than ever. The same applies for the time-telling hands which are driven by the calibre 3230, introduced in 2020, which offers outstanding performance in terms of precision, power reserve, resistance to shocks and magnetic fields, convenience and reliability. The Oyster Perpetual Explorer is guaranteed waterproof to a depth of 100 metres. Offering the essentials and the legendary reliability, it is without a doubt the perfect timepiece of choice for people who love exploring into the unknown, and those who look forward to taking on new adventures.
Oyster Perpetual GMT-Master II: a watch for professionals criss-crossing the globe
Resumption of international travels gives yet another reason to invest in a timepiece that will help you keep track of time in more than one country. The Oyster Perpetual GMT-Master was launched in 1955, at a time when intercontinental travelling was experiencing a rapid expansion, to assist professionals such as the pilots who travelled across time zones on a regular basis. Its 24-hour graduated bezel insert was divided into two halves, with the lower half in one colour for daytime and the upper half in another colour for night-time.
In 1982, Rolex introduced a new movement that allowed the hour hand to be set independently of the other hands. This new configuration made it even easier for the wearer to set the hour hand to local time, while the 24-hour hand stayed with the reference time zone. Current generation of the Oyster Perpetual GMT-Master II is presented in 40 mm size. The Oyster case and Triplock winding crown guarantee waterproofness to the depth of 100 metres. Its bracelet has the Easylink comfort extension link for ease of bracelet length adjustment by approximately 5 mm, providing additional comfort in any circumstance.
Shown above and below is a Rolesor version of Oystersteel and Everose gold with an Oyster bracelet. Its black dial is matched by a two-colour Cerachrom bezel insert in brown and black ceramic. This version of the GMT-Master II is equipped with calibre 3285. Introduced by Rolex in 2018, this self-winding movement incorporates the Chronergy escapement, blue Parachrom hairspring, Paraflex shock absorbers and Perpetual rotor. The escapement’s superior efficiency, together with the movement’s barrel architecture, extends the power reserve of calibre 3285 to approximately 70 hours. If you consider yourself or the recipient of your gift a cosmopolitan person or a frequent traveller by nature, the Oyster Perpetual GMT-Master II would be the ideal travel companion.
Oyster Perpetual Cosmograph Daytona: a watch born to race
The Cosmograph Daytona is synonymous with speed. Originally launched in 1963, the chronograph was designed with professional racing drivers in mind, to help them measure time intervals, as well as determine average speeds with the use of the tachymetric bezel. The watch pays tribute to Daytona, Florida, where passion for speed and racing developed in the early 20th century, and its name embodies the historic and privileged bonds between Rolex and motor sport. In more modern times, Rolex has entered into partnerships with some of the world’s most prominent races and championships.
True to the pioneering spirit of Rolex, the Cosmograph Daytona has undergone improvements over the five decades of its existence. The current versions are equipped with calibre 4130, a movement at the forefront of watchmaking technology.
This self-winding mechanical chronograph movement features a robust mechanism with a column wheel and vertical clutch to ensure an instantaneous and extremely precise start. Its architecture incorporates fewer components than a standard chronograph, thereby enhancing the movement’s reliability. Fitted with an optimised blue Parachrom hairspring, manufactured by Rolex in a paramagnetic alloy, it is up to 10 times more precise than a traditional hairspring in case of shocks, and the Rolex overcoil ensures the movement’s regularity in any position. The Perpetual rotor equipped on calibre 4130 serves to generate a generous power reserve of approximately 72 hours.
The Oyster Perpetual Cosmograph Daytona is available in several combinations of materials and dials. The above example is particularly stunning with the 40 mm Everose gold case, featuring a sundust and black dial fitted with an Oysterflex bracelet where high-performance black elastomer is moulded over flexible metal blades made of a titanium and nickel alloy, thereby combining the robustness of a metal bracelet with the flexibility of an elastomer strap. The Oyster Perpetual Cosmograph Daytona is undoubtedly one of the best chronographs available and a piece to treasure for those with a passion for driving and speed.
Oyster Perpetual Datejust: a classic watch of reference
The Oyster Perpetual Datejust is the most versatile timepiece for gentlemen, and its classic design opens the door to endless possibilities.
The Oyster Perpetual Datejust is a watchmaking icon. When it was launched in 1945, it was the first self-winding waterproof chronometer wristwatch to display the date in a window at the three o’clock position, instead of using a hand that points to the date on the edge of a dial. Furthermore, the name Datejust itself references the fact that the date change takes place instantaneously at midnight. This was already before the enhanced practicality of the Cyclops lens was added to the crystal in 1953 to help magnify the date for easy reading.
This pioneering collection has since advanced remarkably in both technical performance and aesthetics. Performance-wise, the current generation of Oyster Perpetual Datejust in men’s sizes uses calibre 3235: a self-winding movement with a power reserve of approximately 70 hours. Its advanced qualities are guaranteed by the use of energy-efficient Chronergy escapement, paramagnetic blue Parachrom hairspring and high-performance Paraflex shock absorbers.
In terms of aesthetics, the Oyster Perpetual Datejust retains its timeless style yet offers a large selection of dials in different colours, finishes and materials, in case sizes of 36 mm and 41 mm. The particular version shown above is a Rolesor version where the 41 mm Oystersteel case is matched by a fluted bezel in 18 ct white gold, a slate dial with green-accented black Roman numerals and a Jubilee bracelet, designed especially for the Oyster Perpetual Datejust watch in 1945, whose suppleness offers unparalleled comfort. A watchmaking icon and one of the most recognisable watches in the collections of Rolex, the Oyster Perpetual Datejust is suited for everyday wear and appropriate for all occasions from boardroom to ballroom.
All watches featured in this article are Superlative Chronometer certified. This standard of excellence was established by Rolex in 2015. It involves a series of tests conducted internally at Rolex on fully assembled watches to verify their precision, waterproofness, power reserve and self-winding efficiency. This ensures that Superlative Chronometer timepieces perform within the deviation tolerance of +2/-2 seconds per day. And, they are symbolized by the green seal, as well as an international 5-year guarantee.
For more information about Rolex timepieces, please visit www.srichaiwatch.com.